ข้อที่: 1
โจทย์: แอสฟัลต์บริสุทธิ์มีคุณสมบัติที่พิเศษอย่างหนึ่งคือสามารถละลายได้หมดในสารใด
คำตอบ 1: H2SO4
คำตอบ 2: HCl
คำตอบ 3: NaCl
คำตอบ 4: C2HCI3
ข้อที่: 2
โจทย์: Cutback Asphalt ในข้อใดที่ใช้ในงานลาดยาง Prime Coat
คำตอบ 1: MC-250
คำตอบ 2: MC-70
คำตอบ 3: RC-250
คำตอบ 4: RC-70
อธิบาย Rapid Curing (RC) คือคัทแบคแอสฟัลต์ AC ผสมกับน้ำมันประเภทระเหยเร็ว เช่น เบนซินหรือ Naphtha มีจุดเดือด 250- 400 F เหมาะสมใช้กับงานที่ต้องให้เกิดความเหนียวหรือการยึดเกาะอย่างรวดเร็ว เช่น Prime Coat , Tack Coat และทำผิวจราจรชนิด Surface Treatment มีเกรดตั้งแต่ RC – 70 ถึง RC-3000
ข้อที่: 3
โจทย์: Asphalt ชนิดใดที่ใช้ในงาน Asphalt Concrete ผสมร้อน
คำตอบ 1: AC 60-70
คำตอบ 2: AC 120-150
คำตอบ 3: MC-70
คำตอบ 4: RS-2
อธิบาย แอสฟัลท์ซีเมนต์ (AC) ใช้กับงานก่อสร้างถนนลาดยางโดยทั่วไป เกรดที่เหมาะสมใช้กันมากสำหรับงานก่อสร้างถนนคือ 80-100 และ 60-70
ข้อที่: 4
โจทย์: ในงาน Cold Mixed Asphalt Concrete จะใช้ Asphalt ชนิดใด
คำตอบ 1: AC 60-70
คำตอบ 2: MC-70
คำตอบ 3: RS-2
คำตอบ 4: CMS-2h
อธิบาย CMS-2h คือแอสฟัลต์อิมัลชันประเภทแยกแยกตัวเร็วปานกลาง ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ SMEP ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ ยางมะตอยพื้นฐานสำหรับการผลิตแอสฟัลต์อิมัลชัน ผลิตจากน้ำมันดิบที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ผ่านกระบวนการกลั่นที่ควบคุมอย่างละเอียดรอบคอบใช้ในงานผสมหลายประเภท เช่น งานโคลต์มิกซ์ (Coldmixes)
คุณสมบัติและคุณลักษณะที่กำหนดมี คุณลักษณะที่กำหนดตรงตามมาตรฐาน มอก.371-2530 ดังต่อไปนี้
แอสฟัลต์อิมัลชัน | หน่วย | วิธีทดลอง | CMS-2h |
ความหนืดเซย์โบลต์ฟูรอล ที่ 50°C | วินาที | ASTMD 244 | 50-450 |
การแยกชั้นหลังจากเวลา 5 วัน (ไม่เกิน) | % โดยน้ำหนัก | ASTMD 6930 | 5 |
เสถียรภาพต่อการเก็บ ภายใน 24 ชั่วโมง (ไม่เกิน) | % โดยน้ำหนัก | ASTMD 6930 | 1 |
ปริมาณค้างบนแร่ง 850 ไมโครเมตร (20เมซ) (ไม่เกิน) | % โดยน้ำหนัก | ASTMD 6933 | 0.1 |
ประจุของอนุภาคแอสฟัลต์ | ASTMD 244 | บวก | |
ความสามารถในการเคลือบหินและกันน้ำ (ไม่น่อยกว่า) หินแห้ง หินเปียก | %ของพื้นที่ที่เคลือบ | ASTMD 244 | 80 60 |
การกลั่นอิมัลชัน | |||
น้ำมันที่ได้จากการกลั่นเทียบกับปริมาตรของอิมัลชัน (ไม่เกิน) | % | ASTMD 6997 | 12 |
กาก (ไม่น้อยกว่า) | %โดยน้ำหนัก | ASTMD 6997 | 65 |
กากที่เหลือจากการกลั่น | |||
เพนิเทรซัน ที่25°C น้ำหนักกด 100 กรัม เวลา 5 วินาที | 0.1 มม. | ASTMD 5 | 40-90 |
การยึดดึง ที่ 25°C อัตราเร็วของเครื่องดึง 5 ซม./นาที (ไม่น้อยกว่า) | ซม. | ASTMD 113 | 40 |
การละลายในโตรคลอโรเอทิลีน (ไม่น้อยกว่า) | %โดยน้ำหนัก | ASTMD 2042 | 97.5 |
ข้อที่: 5
โจทย์: การหาค่าความหนืดของ Emulsified Asphalt โดยทั่วไปจะทดสอบตัวอย่างที่อุณหภูมิใด
คำตอบ 1: 25 C
คำตอบ 2: 30 C
คำตอบ 3: 55 C
คำตอบ 4: 60 C
อธิบาย แอสฟัลท์ซีเมนต์ (AC) มีคุณสมบัติกึ่งแข็งนิยมบอกเกรดของ AC เป็นจำนวนค่า Penetration ซึ่งได้จากการทดลองกดเข็มมาตรฐานหนัก 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 25 C เป็นเวลา 5 วินาที
ข้อที่: 6
โจทย์: ตามมาตรฐานของกรมทางหลวงคอนกรีตที่ใช้ในงานผิวทางคอนกรีตจะต้องมีกำลังอัดลูกบาศก์ไม่น้อยกว่าเท่าใด
คำตอบ 1: 180 ksc
คำตอบ 2: 240 ksc
คำตอบ 3: 280 ksc
คำตอบ 4: 325 ksc
อธิบาย ผิวทางคอนกรีตทำหน้าที่รับน้ำหนักจากล้อรถแล้วถ่ายลงสู่พื้นทางและดินคันทาง คุณสมบัติของหินและทรายที่ใช้ก่อสร้างจะต้องมีความเข็งแรง ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดปี ปูนซีเมนต์ที่นำมาใช้ผสมคอนกรีตก็ควรเป็นปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ ส่วนผสมคอนกรีตจะต้องมีความสามารถรับกำลังอัดได้สูง ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 325 ksc
ข้อที่: 7
โจทย์: วัสดุที่ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับแอสฟัลต์คอนกรีตผสมร้อน มีอะไรบ้าง
คำตอบ 1: แอสฟัลต์ซีเมนต์ น้ำ วัสดุมวลรวม ซีเมนต์
คำตอบ 2: แอสฟัลต์อีมัลชัน วัสดุมวลรวม
คำตอบ 3: แอสฟัลต์ซีเมนต์ วัสดุมวลรวม
คำตอบ 4: ซีเมนต์ วัสดุมวลรวม น้ำ
อธิบาย Hot-mixed Asphalt หรือแอสฟัลต์คอนกรีต(Asphalt Concrete) ประกอบด้วยวัสดุมวลรวมกับแอสฟัลต์ซีเมนต์ ที่อุณหภูมิสูง ดังนั้นจึงมักผสมที่หน่วยผลิต หรือโรงงาน (Mixing plant) ซึ่งสามารถควบคุมอัตราส่วน และอุณหภูมิได้ตามกำหนด ผิวทางประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง งานบูรณะ และงานบำรุงทาง โดยการปูหรือเกลี่ยแต่งและบดทับบนชั้นทางใดๆ หรือพื้นผิวที่ได้เตรียมไว้
ข้อที่: 8
โจทย์: Cutback Asphalt ได้จากส่วนผสมใดต่อไปนี้
คำตอบ 1: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ วัสดุมวลรวม
คำตอบ 2: แอสฟัลต์อิมัลชัน กับ วัสดุมวลรวม
คำตอบ 3: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ อิมัลซิไฟอิงเอเจนต์
คำตอบ 4: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ น้ำมันที่ได้จากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
คำตอบ 5: ผิดทุกข้อ
อธิบาย คัทแบคแอสฟัลท์ (Cutback Asphalt) เป็นแอสฟัลท์เหลวได้จากการนำ AC ผสมกับน้ำมันบางชนิด เช่น เบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันโซล่า ตามความเหมาะสมและความต้องการใช้งาน
ข้อที่: 9
โจทย์: แอสฟัลต์อิมัลชัน ได้จากส่วนผสมใดต่อไปนี้
คำตอบ 1: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ วัสดุมวลรวม
คำตอบ 2: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ น้ำ
คำตอบ 3: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ อิมัลซิไฟอิงเอเจนต์ กับ น้ำ
คำตอบ 4: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ อิมัลซิไฟอิงเอเจนต์ กับ น้ำมันที่ได้จากปิโตรเลียม
คำตอบ 5: แอสฟัลต์ซีเมนต์ กับ น้ำมันที่ได้จากปิโตรเลียม
อธิบาย Emulsion หรือ Emulsified Asphalt เป็นส่วนผสมของแอสฟัลต์ซีเมนต์กับน้ำ แต่เนื่องจากองค์ประกอบทั้งสองไม่สามารถรวมกันได้โดยตรง จึงต้องเติม Emulsifier ลงในส่วนผสม เพื่อ Emulsifier จะทำให้แอลฟัสต์ซีเมนต์แตกตัว และกระจายออกในรูปของหยดที่มีขนาดเล็กมากในน้ำเมื่อใช้งาน Emulsion จะก่อตัวพร้อมๆกับน้ำระเหยไป โดยทั่วไป Emulsion ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์ และ Emulsifier ร้อยละ 3 เป็นอย่างมาก แล้วเติมน้ำให้ครบส่วน
ข้อที่: 10
โจทย์: ยางแอสฟัลต์จะมีลักษณะเป็นสีใด
คำตอบ 1: เทา
คำตอบ 2: น้ำตาลแก่
คำตอบ 3: ดำ
คำตอบ 4: ข้อ 2 และ ข้อ 3 ถูก
อธิบาย ASTM ให้คำจำกัดความของแอสฟัลท์ว่า เป็นวัสดุสีน้ำตาลหรือสีดำ เหนียวเชื่อมยึดติดผิวได้ มีสภาพเป็นของแข็ง (Solid) กึ่งแข็ง (Semisolid) หรือเหลว (Liquid) ได้ มีส่วน ประกอบสำคัญ คือ บิทเมน (Bitumen) เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรืออาจเป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมัน
ข้อที่: 11
โจทย์: การทดลองใดใช้หาค่าการสึกหรอของวัสดุมวลหยาบ
รูปภาพประกอบคำถาม:
คำตอบ 1: Stripping Test
คำตอบ 2: Job Mix Formula
คำตอบ 3: Particle Charge Test
คำตอบ 4: Los Angeles Abrasion Test
อธิบาย วัสดุมวลหยาบต้องมีความแกร่งทนทานต่อแรงบดทับหรือเสียดสี ภาตใต้น้ำหนักของยานพาหนะ หินที่เปราะแตกบิ่นได้ง่ายไม่ควรนำมาใช้ก่อสร้างพื้นทาง หรือหินที่มีเปอร์เซ็นต์สึกหรอเมื่อทดสอบโดยวิธี Los Angeles Abrasion Test มากกว่า 40% จะต้องไม่นำมาใช้ในงานก่อสร้าง
ข้อที่: 12
โจทย์: วัสดุชั้นรองพื้นทางโดยทั่วไปจะใช้วัสดุอะไร
คำตอบ 1: ลูกรัง
คำตอบ 2: หินโม่หรือกรวดโม่
คำตอบ 3: หินคลุก
คำตอบ 4: ดินเดิม
อธิบาย รองพื้นทาง (Subbase Course) ใช้บริเวณที่ Subgrade อ่อนมากหรือในบริเวณที่วัสดุสำหรับทำรองพื้นทางหาได้ง่ายและราคาถูก จึงลดความหนาของชั้นพื้นทางและใช้พื้นทางและใช้วัสดุซึ่งมีคุณภาพด้อยกว่าแต่ราคาถูกกว่าแทน วัสดุที่ใช้อาจเป็นดินลูกรัง หรือ Granular Soil
ข้อที่: 13
โจทย์: Asphalt Cement แบ่งเกรดโดยการทดลองใด
คำตอบ 1: Softening Point
คำตอบ 2: Specific Gravity
คำตอบ 3: Float Test
คำตอบ 4: Penetration Test
อธิบาย แอสฟัลซีเมนต์ (AC) มีคุณสมบัติกึ่งแข็งนิยมบอกเกรดของ AC เป็นจำนวน Penetration ซึ่งได้จากการทดลองกดด้วยเข็มมาตรฐานหนัก 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 25 C เป็นเวลา 5 วินาที
ข้อที่: 14
โจทย์: ตะกรันเหล็กเป็นมวลรวมประเภทใด สามารถนำมาใช้ทำผิวจราจรได้
คำตอบ 1: Pit or Bank-Run Materials
คำตอบ 2: Processed Aggregates
คำตอบ 3: Synthetic or Artificial Aggregates
คำตอบ 4: Selected Materials
อธิบาย ตะกรันเหล็ก Synthetic or Artificial Aggregates เป็นมวลรวมประเภทสังเคราะห์โดยใช้เตาหลอมตะกรันที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการหลอมตัวของแคลเซียมออกไซด์จากหินปูน กับซิลิกอนและอะลูมินาจากแท่งเหล็กและถ่านโค้ก (Coke) ตะกรันเหล็กที่หลอมจะลอยอยู่ ด้านบนของบ้า หลอม จะถูกทำให้เย็นตัวอย่างรวดเร็วโดยการเทน้ำหรือใช้น้ำฉีดทันที ผลก็คือ ตะกรันเหล็กส่วนใหญ่จะกลายเป็นเม็ดแก้วกลมที่มีองค์ประกอบทางเคมีที่ค่อน ข้างแน่นอน หลังจากนั้นจะผ่านขบวนการระเหยน้ำออก และทำการบดเช่นเดียวกับการบดปูนซีเมนต์
ประโยชน์ของตะกรันเหล็ก
-เป็นมวลรวมส่วนผสมในวัสดุปอซ์ตโซลานทำให้คอนกรีตมีเนื้อแน่น มีความต้านทานการซึมผ่านของน้ำได้ดี (Low Permeability) ทำให้เหมาะที่จะใช้ในงาน ถนนคอนกรีต สระว่ายน้ำและถังเก็บน้ำ
-เพิ่มกำลังอัดและกำลังดัด (Flexural Strength) ของคอนกรีต
ข้อที่: 15
โจทย์: แอสฟัลต์ชนิดใดมีคุณสมบัติพิเศษเหมาะที่จะใช้กับงานทางด้านอุตสาหกรรมและงานพิเศษต่าง ๆ เช่น งานหลังคา งานเคลือบผิวท่อ เป็นต้น
คำตอบ 1: Air Blown Asphalt
คำตอบ 2: Asphalt Cement
คำตอบ 3: Cutback Asphalt
คำตอบ 4: Emulsified Asphalt
อธิบาย Air Blown หรือ Oxidized Asphalt มีสภาพแข็ง จุดอ่อนตัวสูงกว่าแอสฟัลต์ทั่วๆไปทนทานต่อสภาพอากาศ ทว่ากำลังยึดเกาะน้อย ฉะนั้นในการใช้งานจึงใช้สำหรับงานซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆ เช่น เชื่อมอุดรอยตัวแตกร้าว กันซึม(Water proof)หรือเติมรอยต่างๆ(Join filler)
ข้อที่: 16
โจทย์: AASHTO กำหนดค่ามาตรฐานสำหรับวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างพื้นทาง(ส่วนที่ผ่านตะแกรงเบอร์ 40) ในข้อใด
คำตอบ 1: Liquid Limit (LL) น้อยกว่าเท่ากับ 25% Plastic Index (PI) น้อยกว่าเท่ากับ 6%
คำตอบ 2: Liquid Limit (LL) น้อยกว่าเท่ากับ 25% Plastic Limit (PI) น้อยกว่าเท่ากับ 6%
คำตอบ 3: Liquid Limit (LL) น้อยกว่าเท่ากับ 50% Plastic Index (PI) น้อยกว่าเท่ากับ 6%
คำตอบ 4: Liquid Limit (LL) น้อยกว่าเท่ากับ 50% Plastic Limit (PI) น้อยกว่าเท่ากับ 6%
อธิบาย การทดสอบ CBR ของ Granular Soil ซึ่งมีมวลละเอียดคละต่างกัน มวลที่มีค่า PI ต่ำจะมีค่าเปอร์เซ็นต์ CBR สูง AASHTO ได้กำหนดค่ามาตรฐานสำหรับวัสดุใช้ก่อสร้างพื้นทาง มี LL ไม่เกิน 25% PI ไม่เกิน 6% ขณะเดียวกันการกำหนดคุณสมบัติทางขนาดคละ (Gradation) ก็มีความสำคัญยิ่งเช่นกัน เพราะถ้าเปอร์เซ็นต์ขนาดคละของดินและหิน(เปอร์เซ็นต์เฉพาะผ่านตะแกรง No.40) เป็นไปตามข้อกำหนดค่าของ PI ก็จะต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดเช่นกัน
ข้อที่: 17
โจทย์: ข้อใดมิใช่ผลที่ได้ในการปรับปรุงคุณภาพดินด้วยปูนขาว
คำตอบ 1: ลดความเป็นพลาสติก (PI)
คำตอบ 2: เพิ่มกำลังรับแรงเฉือนของดิน
คำตอบ 3: เพิ่มกำลังรับแรงอัด
คำตอบ 4: ลดขนาดมวลดิน
อธิบาย การใช้ปูนขาวผสมดินเหนียวเหมาะสมกับประเทศในแถบที่มีอากาศร้อนโดยเฉพาะบริเวณที่มีปํญหาที่มีปัญหาในการก่อสร้าง จุดประสงค์การใช้ปูนขาวปรับปรุงคุณภาพมี 2 ประการ คือ
1. ใช้ปูนขาวเป็นตัวเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของดิน เรียกว่า Lime Modification ซึ่งจะทำให้คุณสมบัติของดินเปลี่ยนแปลงไป เช่น ลดความเป็นพลาสติก (PI) ช่วยให้เกิดความสะดวกในการทำงาน (workability)เพิ่มขนาดของมวลเม็ดดิน
2. ใช้ปูนขาวช่วยให้เกิดความแข็งแรงรับน้ำหนักได้สูงขึ้นลดการบวมตัว เพิ่มค่าแรงเฉือนของดิน (CBR)
ข้อที่: 18
โจทย์: การปรับปรุงคุณภาพดินด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ไม่เหมาะที่จะใช้กับชั้นทางชั้นใด
คำตอบ 1: ดินคันทาง
คำตอบ 2: รองพื้นทาง
คำตอบ 3: พื้นทาง
คำตอบ 4: ผิวทาง
อธิบาย ปอร์ตแลนด์ซีเมนต์เหมาะสมกับดินประเภทดินลูกรัง กรวดบก ทรายบก หินผุ และดินทราย ซึ่งมีขนาดคละต่างๆกันดินเม็ดหยาบจะใช้ปริมาณปูนซีเมนต์น้อยกว่าดินเม็ดละเอียด การผสมและการทำงานก็ง่ายและสะดวกกว่าดินเม็ดละเอียดดินปรับปรุงคุณภาพด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ใช้งานได้ดีกับดินคันทาง รองพื้นทาง และพื้นทาง
ข้อที่: 19
โจทย์: การใช้วัสดุปรับปรุงคุณภาพดินในข้อใดไม่เหมาะกับชนิดของดิน
คำตอบ 1: ใช้ปอร์ตแลนด์ซีเมนต์กับดินทราย
คำตอบ 2: ใช้ปูนขาวกับดินเหนียว
คำตอบ 3: ใช้แอสฟัลต์กับดินเหนียว
คำตอบ 4: ใช้ปูนขาวกับดินเหนียวปนทราย
อธิบาย การปรับปรุงคุณภาพดิน
การใช้ปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพดิน (Soil Cement) ปอร์ตแลนด์ซีเมนต์เหมาะกับดินประเภทดินลุกรัง กรวดบก ทรายบก หินผุและดินทราย ซึ่งมีขนาดคละต่างๆกัน ดินเม็ดหยาบจะใช้ปริมาณปูนซีเมนต์กว่าดินเม็ดละเลียด การผสมและการทำงานง่ายและสะดวกกว่าดินเม็ดละเลียด ดินปรับปรุงคุณภาพด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ ใช้งานได้ดีกับดินคันทาง รองพื้นทาง และพื้นทาง
การใช้ปูนขาวกับดินเหนียว ปูนขาวใช้ได้กับดินทุกกชนิดละดินเหนียวประเภท Montmorillonite ทำปฎิกิริยาได้ดีกับปูนขาว ทำให้ลดค่า PIลงได้ปริมาณของปูนขาวที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 5-10% โดยน้ำหนัก
การใช้ปูนขาวกับดินทราย ปูนขาวไม่ทำปฎิกิริยากับทราย เพราะ ในทรายไม่มี Clay Minerals แต่ถ้าเป็นดินทราย (Sand-Clay) ก็สามารถใช้ปูนขาวได้ผลดีเพราะปูนขาวจะเข้าไปทำปฎิกิริยา Pozzolanic Action และที่สำคัญคือ ลด PI ของดิน
ข้อที่: 20
โจทย์: ความมุ่งหมายของการใช้วัสดุปรับปรุงคุณภาพดินในข้อใดไม่ถูกต้อง
รูปภาพประกอบคำถาม:
คำตอบ 1: ใช้ปอร์ตแลนด์ซีเมนต์เพื่อลด Plastic Index
คำตอบ 2: ใช้ปูนขาวเพื่อลด Plastic Limit
คำตอบ 3: ใช้แอสฟัลต์เพื่อให้ดินลดปริมาณการดูดซึมน้ำ
คำตอบ 4: ใช้การพ่นยางแอสฟัลต์คลุมทับดินที่บดอัดแล้วเพื่อป้องกันมิให้น้ำซึมเข้าสู่ดิน
อธิบาย ปูนขาวจะเข้าไปทำปฎิกิริยา Pozzolanic Action และที่สำคัญคือ ลด Plastic Index ของดิน ไม่ใช่ ลด Plastic Limit
ข้อที่: 21
โจทย์: แอสฟัลต์ชนิดใดไม่เหมาะในการใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพดินเหนียว
รูปภาพประกอบคำถาม:
คำตอบ 1: Cutback Asphalt ชนิด RC
คำตอบ 2: Cutback Asphalt ชนิด MC
คำตอบ 3: Cutback Asphalt ชนิด SC
คำตอบ 4: Emulsified Asphalt RT 5
อธิบาย การใช้ Cutback Asphalt ชนิด SC ไม่เหมาะสมเนื่องจากมีข้อจำกัดการใช้งาน คือใช้ได้เฉพาะกับหินที่แห้งสนิทแล้วเมื่อระเหยเกิดมลภาวะ ใช้น้ำมันผสมทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และมีราคาสูง ความปลอดภัยเพราะมีจุดวาบไฟที่อุณหภูมิไม่สูงนัก Cutback Asphalt เป็นตัวทำละลาย (solvent) ในการละลายแอสฟัลต์ซีเมนต์ เรียกได้หลายอย่างคือ distillatc ( ดิสทิเลด ) diluent ( ดิลูเอนท์ ) ถ้าตัวทำละลายเป็นสารระเหยง่ายก็จะระเหยอย่างรวดเร็วโดยการกลายเป็นไอ ส่วนตัวทำละลายที่เป็นสารละลายระเหยช้าก็จะกลายเป็นไอช้ากว่า ดังนั้นการแบ่งคัทแบ็กแอสฟัลต์โดยการเทียบเคียงอัตราเร็วของการระเหยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
1. Rapid curing (ชนิดแข็งตัวเร็ว) เรียกย่อๆ ว่า RC ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์กับตัวทำละลายที่ระเหยเร็ว (จุดเดือดต่ำ) ได้แก่ น้ำมันเบนซิน หรือ naphtha
2. Medium curing (ชนิดแข็งตัวเร็วปานกลาง) เรียกย่อๆ ว่า MC ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์กับตัวทำละลายที่ระเหยเร็วปานกลาง ได้ kerosene (น้ำมันก๊าด)
3. Slow curing (ชนิดแข็งตัวช้า) เรียกย่อๆ ว่า SC ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์กับน้ำมันที่ระเหยช้าหรืออาจได้จากการกลั่นโดยตรง คัทแบ็คแอสฟัลต์ชนิด SC นี้บางครั้งก็เรียกกันว่า Road oils
ระดับความเหลวของ cutback asphalt ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของตัวทำละลายกับแอสฟัลต์ซีเมนรต์ ความแข็งของแอสฟัลต์ซีเมนต์ที่นำมาใช้ทำคัทแบ็คแอสฟัลต์ก็มีผลต่อระดับความเหลวอยู่บ้างจากระดับความเหลวสามารถแบ่งคัทแบ็คแอสฟัลต์ออกเป็นหลายเกรด บางเกรดมีลักษณะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิธรรมดา บางเกรดหนืดพอประมาณก็ต้องให้ความร้อนเล็กน้อยเพื่อให้เหลวเพียงพอที่จะใช้ปฎิบัติงานก่อสร้าง
ข้อที่: 22
โจทย์: ข้อใดคือยางประเภท Cutback Asphalt
คำตอบ 1: RM
คำตอบ 2: RS
คำตอบ 3: RD
คำตอบ 4: RC
อธิบาย เกรดของ Cutback จะขึ้นอยู่กับชนิดตัวทำละลาย ซึ่งจะทำให้หนืด และระเหยตัวแตกต่างกัน ชนิดแข็งตัวเร็ว (Rapid Curing ,RC) ใช้น้ำมันเบนซิน (Benzene) เป็นตัวทำละลาย ชนิดแข็งตัวปานกลาง (Medium Curing ,MC) ใช้น้ำมันก๊าด (Kerosene) เป็นตัวทำละลาย และชนิดแข็งตัวช้า (Slow Curing ,SC) ใช้น้ำมันดีเซล (Diesel) เป็นตัวทำลาย
ข้อที่: 23
โจทย์: ข้อใดคือยางประเภท Emulsion Asphalt
คำตอบ 1: CRS
คำตอบ 2: CMD
คำตอบ 3: CRB
คำตอบ 4: CBS
อธิบาย Emulsified แบ่งเป็น
1.Anionic Emulsified Asphalt มีคุณสมบัติเป็น Negative charge ใช้หินที่มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก (Positions)
- Rapid setting (RS)
- Medium setting (MS)
- Slow setting (SS)
2.Cationic Emulsified Asphalt มีคุณสมบัติเป็น Positive charge ใช้กับหินที่มีประจุไฟฟ้าเป็นลบ (Negative)
- Rapid setting (CRS)
- Medium setting (CMS)
- Slow setting (SS)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น